วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

็HOME



สารคดีเรื่อง HOME ที่ได้ชมในห้องเรียนนั้นผมมีความรู้สึกว่าสารคดีชุดนี้ทำออกมาได้ดีมากจากที่เคยได้ดูสารคดีอื่นๆมา ทั้งการเล่าเรื่องตั้งเเต่ต้นกำเนิดของโลกเเละต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการต่าง ๆ ของโลกจากอดีตจนปัจบัน เเละ การลำดับภาพการใช้มุมกล้องนั้นผู้กำกับสามารถเลือกมุมกล้องที่แปลกเเละภ่ายทอดออกมาได้สวยงามมาก


ส่วนเนื้อหานั้นก็เป็นไปตามลำดับขั้นตอนดูเเล้วเข้าใจได้ง่ายรวมกับภาพที่ภ่ายทำออกมาได้สวยงามเเล้วยิ่งทำให้หน้าติดตามดั้งตัวอย่างภาพข้างบนที่นำเสนอเนื้อหากำภาพออกมาได้ดี เเละข้อมูลที่นำเสนอให้เห็นถึงการกำเนิดของโลกเเละการถูกทำลายของโลกตามเเตกต่างของประเทศที่ใช่ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลื้อง เเละ ประเทศที่ขาดเเคลนทรัพยากรธรรมชาติ การหาพลังงานทดเเทน จุดที่เสื่อมถอย
ของโลกเเละกำลังสูญเสียของโลก



สิ่งที่ชอบ

สิ่งที่ชอบในสารคดีชุดนี้ คือ การนำเสนอเรื่องราวจากอดีตจนปัจจุบันเรื่องราวการกำเนิดของโลกตั้งเเต่ยุคเเรกจนการเริ่มของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ จนวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนโลกการเกิดมนุษย์เเหล่งกำเนิดพลังงาน เเละ การใช้พลังงานอย่างไม่หยุดของมนุษย์การขาดอาหารเเละการหาอาหาร การเพิ่มเเละลดลงของธรรมชาติ การเเสดงให้เห็นถึงการที่โลกถูกทำลายโดยสิ่งที่อาศัยอยู่บนโลก ที่มีศักยภาพที่สุด

สิ่งที่ไม่ชอบ

สิ่งที่ไม่ชอบของสารคดีชุดนี้คือ มีความยาวของการฉายที่นานมากถึง 90 นาทีซึ่งบางที่ผู้ชมอาจจะเบื่อได้เมื่อดูไปได้ครึ่งเรื่อง ด้วยความที่เป็นสารคดีการมีความยาวที่มากนั้นก็อาจก่อให้เดกิดความน่าเบื่อได้ไว

Keywords

1. กำเนิด 2.สุญเสีย 3.ชีวิต 4.อาหาร 5.พลังงาน
6.ขาดเเคลน 7.เริ่มต้น 8.พังทลาย 9.ทดเเทน 10.ค้นหา




1 ความคิดเห็น:

เทป กล่าวว่า...

ในทางพระพุทธศาสนาปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า และเชื่อว่า โลกนี้เกิดขึ้นจากกฎแห่งธรรมชาติอันมี กฎแห่งสภาวะ หรือมีธาตุทั้งสี่คือ ดิน น้ำ ลม และ ไฟ ที่เปลี่ยนสถานะเป็นธาตุต่างๆกลับไปกลับมา ที่เป็นไปตาม กฎไตรลักษณ์ และ กฎแห่งเหตุผล 3 ประการ คือ

ทุกขลักษณ์ (ความไม่เที่ยงแท้ ทนอยู่ในสภาพเดิมมิได้ตลอดกาล) คือสิ่งทั้งปวงหยุดนิ่งมิได้เหมือนจะต้องระเบิดอยู่ตลอดเวลา อย่างแสงอาทิตย์ต้องวิ่งมาชนโลก โลก จักรวาล กาแล๊คซี่ต้องหมุน ลมต้องพัด เปลือกโลกต้องเคลื่อน ทำให้มีกฎแห่งสมตา (ปรับสมดุล) เช่นเรานอนเฉยๆต้องขยับ หรือวิ่งมากๆต้องหยุด เช่นความร้อนย่อมต่องการสลายตัวไปที่เย็นกว่า ไฟฟ้าในเมฆพายุฝนที่มีมากทิ้งมาที่พื้นโลกจนเกิดฟ้าผ่า ที่ ๆ เป็นสุญญากาศย่อมดึงให้สิ่งที่มีอยู่เข้ามา ความทุกข์ทำให้เกิดการวิวัฒนาการของสัตว์ พืช เช่นพืชที่ปลูกถี่ๆกันย่อมแย่งกันสูงเพื่อแย่งแสงอาทิตย์ในการอยู่รอด หรือการปรับสมดุลจึงเกิดชิวิต
อนิจจลักษณ์ (ความไม่แน่นอน) ทำให้สิ่งทั้งปวงย่อมต้องเปลี่ยนแปลงสถานะเดิม อย่างธาตุดิน (ของแข็ง) เปลี่ยนเป็นธาตุน้ำ (ของเหลว) เปลี่ยนเป็นธาตุลม (แก๊ส) และเปลี่ยนเป็นธาตุไฟ (แสง ความร้อน พลังงาน) และเปลี่ยนไปไม่สิ้นสุด แม้จะเปลี่ยนแปลงแต่การเปลี่ยนแปลงก็มีขีดจำกัดทำให้เกิดกฎแห่งวัฏจักร (วัฏฏตา) โลก จักรวาล กาแล็กซี ย่อมหมุนเป็นวงกลม สิ่งมีชีวิตเริ่มต้นถึงที่สุดก็กลับมาตั้งต้นใหม่ ความไม่แน่นอนทำให้สัตว์ พืช ไม่เหมือน พ่อแม่ของตนได้นิดหน่อยเพราะกฎแห่งเหตุผลทำให้ลูกต้องมาจากปัจจัยพ่อแม่ของตน เช่นหมูที่เขี้ยวยาวกว่าจะเอาตัวรอดในสถานที่นั้นๆได้ดีกว่า นานๆ เข้าตัวที่เขี้ยวยาวกว่าพ่อแม่ของตนรอดมากๆเข้าก็ทำให้หมูป่าในปัจจุบันเขี้ยวยาวขึ้น
อนัตตลักษณ์ (สิ่งทั้งปวงไม่มีตัวตนอยู่เองโดยไม่เกี่ยวเนี่ยวกับใครมีตัวตนเพราะอาศัยปัจจัยต่างๆประกอบกันขึ้น เช่น ต้นไม้ย่อมอาศัยแสง ดิน น้ำ แร่ธาตุ ราก ใบ กิ่ง แก่น ลำต้น อากาศ ทำให้ดำรงอยู่ได้) สิ่งทั้งปวงย่อมเกี่ยวเนี่องซึ่งกันและกันทำให้เกิดการผสมผสาน ทำให้เกิดความหลากหลายยิ่งขึ้น อย่างร่างกายของเราย่อมเกิดจากความเกี่ยวข้องกันเล็กๆน้อยและเพิ่มขึ้นซับซ้อนขึ้น เมื่อสิ่งต่างมีผลกระทบต่อกันในด้านต่างๆทำให้เกิดกฎแห่งหน้าที่ (ชีวิตา) เช่น ตับย่อมทำงานของตับ ไม่ได้ทำงานเป็นกล้ามเนื้อหัวใจ และถ้าธาตุทั้งสี่ไม่ทำหน้าที่ของตน ร่างกายของย่อมแตกสลายไปราวกับอากาศธาตุ สรุป กฎไตรลักษณ์เป็นสิ่งที่ทำให้มีการสร้าง ดำรงรักษาอยู่ และทำลายไปของทุกสรรพสิ่ง ทุกขลักษณ์ทำให้สิ่งทั้งปวงอยู่นิ่งมิได้ อนิจจลักษณ์เปลี่ยนแปลงธาตุต่าง อนัตตลักษณ์ทำให้เกี่ยวเนื่องผสมผสานกันทำให้ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกขลักษณ์เกิดจากการขัดแย้งกันของธาตุ อนัตตลักษณ์เกิดจากธาตุที่ต่างถูกผลักออกจากการขัดแย้งของธาตุ (ทุกขลักษณ์) มาเจอกัน อนิจจลักษณ์เกิดจากช่องว่างที่ธาตุถูกผลักออกไปและกระเด็นเข้ามาไหลเวียนเปลี่ยนผันเป็นกระแสไม่สิ้นสุด
เมื่อย่อกฎทั้ง 3 แล้ว จะเหลือเพียง ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป[19] (มีเพียงการสั่นสะเทือนของสสารอวินิพโภครูป8)